ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ยื่นร้อง กกต ตรวจสอบบัตรเสีย และบัตรไม่เลือกผู้ใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการนับคะแนน และอาจมีผลต่อคะแนนทั้ง นายก และ ส.อบจ. ในหลายเขต

(4 ก.พ.68) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ (กกต.เชียงใหม่) นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(นายก อบจ.เชียงใหม่) หมายเลข 1 พรรคประชาชน พร้อมด้วยนายชนัตถ์ สุทธสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(ส.อบจ.เชียงใหม่) อำเภอดอยสะเก็ด เขต 1 หมายเลข 1 พรรคประชาชน และว่าที่ ส.อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคประชาชน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีเกี่ยวกับบัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดในการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ และ ส.อบจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 พบว่ามีจำนวนมาก เช่นเดียวกับผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอดอยสะเก็ด เขต 1 ที่ยื่นหนังสือเพื่อร้องขอให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีบัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด รวมทั้งความโปร่งใสของการนับคะแนนในส่วนของส.อบจ.อำเภอดอยสะเก็ด เขต 1 เพราะมีคะแนนแพ้ชนะกันแค่ประมาณ 200 คะแนนเท่านั้น

โดยในส่วนของบัตรเสียในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่นั้น มีจำนวนทั้ง 41,702 ใบ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 57,646 ใบ ซึ่งอัตราส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อน เมื่อเทียบจากสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งที่น้อยกว่าครั้งก่อน ขณะเดียวกันพบด้วยว่าในระหว่างการนับคะแนนมีข้อผิดสังเกตหลายอย่าง จึงต้องการให้ทาง กกต.เชียงใหม่ ดำเนินการตรวจสอบบัตรเสียดังกล่าวและหากเป็นไปได้อยากให้พิจารณาทำการนับคะแนนในส่วนของบัตรเสียดังกล่าวใหม่อีกครั้ง เพราะผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนั้น นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนสูงสุด โดยมากกว่านายพันธุ์อาจ เพียงประมาณ 20,000 คะแนนเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าบัตรเสียเป็นเท่าตัวและอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อผลแพ้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้เบื้องต้นนายกฤษณ์ ไชยมาลา รองผู้อำนวยการ กกต.เชียงใหม่ ได้รับหนังสือไว้เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป      ในฐานะผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ได้รับมอบหมายจากพรรคประชาชนให้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.เชียงใหม่ ในครั้งนี้ เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบเกี่ยวกับบัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดในการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้ ซึ่งพบว่ามีสัดส่วนที่สูงขึ้น หากเปรียบกับการที่ในครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งลดน้อยลงจากครั้งที่แล้ว โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับบัตรเสียที่มีจำนวนมากว่า ส่วนหนึ่งมาจากป้ายประชาสัมพันธ์หน้าหน่วยเลือกตั้งที่มีตัวอย่างการลงคะแนนเป็นบัตรดีและบัตรเสียจำนวนมากมายหลายแบบ ซึ่งทำให้ประชาชนสับสน ขณะเดียวกันพบว่าขั้นตอนการนับคะแนนในหลายหน่วยมีข้อผิดพลาดและเร่งรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วจนน่าผิดสังเกต ดังนั้นหากเป็นไปได้จึงอยากมีการตรวจสอบพิจารณาอย่างละเอียดและทำการนับคะแนนใหม่ในส่วนของบัตรเสีย ซึ่งนอกจากในส่วนของนายก อบจ.แล้ว ทางผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ เขตอื่นๆ ของพรรคประชาชน เตรียมจะเข้ายื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบกรณีบัตรเสียเช่นกัน