กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายชุมชนคนอยู่กับป่ามีเฮ หลังรองนายกฯ ‘ประเสริฐ’ ยืนยันมาหารือร่วมเสาร์ 29 มี.ค.นี้ เพื่อแก้ปัญหา ‘สกน.-สชป.’แถลงยังปักหลักชุมนุมรอจนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุ

เชียงใหม่ 25 มี.ค. - ความคืบหน้าเหตุการณ์ที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนคนอยู่กับป่าหลายพันคนปักหลักชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเรียกร้องให้มีการเร่งแก้ไขปัญหาที่ยังยืดเยื้อในประเด็นข้อกฎหมายป่าอนุรักษ์ที่มีผลกระทบต่อประชาชน ล่าสุด เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมานายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยนายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 16 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้มาพบปะกับชาวบ้านที่มาชุมนุมและแจ้งความคืบหน้าการประสานงานเรื่องการกำหนดวันนัดหมายการประชุมร่วมระหว่างรองนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าและแนวร่วมเครือข่ายประชาชน ตามข้อเรียกร้อง

โดยนายปิยะพงษ์ชี้แจงว่า ได้รับการประสานงานจากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีล่าสุดว่า มีความคืบหน้าในการกำหนดวันนัดหมายการประชุม โดยรองนายกรัฐมนตรีประเสริฐว่า ให้กำหนดวันประชุมในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 29 มี.ค. 2568 นี้ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่แต่ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาชัดเจน ได้สร้างความยินดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่แม้จะไม่ใช่วันที่ 26 มี.ค.ตามข้อเรียกร้องแต่ก็มีความชัดเจนในข้อกำหนดการหารือเพื่อเร่งแก้ไขปัญหานี้ ทันทีที่ทราบทางเครือข่ายสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือและเครือข่ายแนวร่วมประชาชน จึงได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง ผลความคืบหน้าการประสานงานกับรัฐบาล ต้องเดินหน้าเปิดเจรจาภาคประชาชนโดยเร่งด่วนทันที ซึ่งยืนยันว่า จะยังคงปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องทั้ง  5 ข้อจะบรรลุ โดยเนื้อหาในแถลงการณ์มีดังนี้

เข้าสู่วันที่ 2 ที่พวกเราพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมือง และคนยากคนจนในนามสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) และ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้มาปักหลักชุมนุม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยข้อเรียกร้องทั้งสิ้น 5 ข้อเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหากฎหมายและนโยบายด้านป่าไม้-ที่ดิน ที่กระทบสิทธิคนจน หนึ่งในนั้นคือข้อเรียกร้องเดิมที่เคยได้เจรจากับตัวแทนรัฐบาลจนมีบันทึกผลการหารือร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 แต่ยังไร้ความคืบหน้าในทางปฏิบัติ จนผลกระทบต่อสิทธิในที่ดินและทรัพยากรของชุมชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง โดยเฉพาะอย่างผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง

ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เราได้ประกาศชัดเจนว่าต้องการเจรจากับตัวแทนของรัฐบาล คือรองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการบริหารราชการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกำกับดูแลคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อเจรจาข้อเรียกร้องของภาคประชาชนแต่ละข้อโดยละเอียด หากได้ผลการเจรจาอันเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็ให้รองนายกรัฐมนตรีประเสริฐ ได้นำผลการเจรจาดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบในวันอังคารถัดไป ซึ่งเราได้สื่อสารไปยังรัฐบาลผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการยื่นหนังสือและข้อเรียกร้องแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้

จนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เราได้ยื่นหนังสือถึงประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อเร่งรัดให้รองนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเปิดประชุมแก้ปัญหากับเราในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๘ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วเสร็จ โดยในช่วงเที่ยงของวันนี้ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดให้เราส่งตัวแทนเข้าเจรจาหารือเรื่องข้อเรียกร้องและกระบวนการประสานงานกับรัฐบาลแล้ว พร้อมกับตัวแทนหน่วยงานรัฐร่วมหารือ ได้แก่ นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และนายอิทธิพล ไทยกมล ตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

โดยเราได้รับแจ้งรองนายกรัฐมนตรี ผ่านตัวแทนฝ่ายราชการว่า รองนากยรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง จะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) และ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ในช่วงเช้าของวันเสาร์ ที่ 29 มีนาคม 2568 เราจึงขอขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยประสานงานนัดหมายการประชุมมา ณ โอกาสนี้

อย่างไรก็ตาม เราขอยืนยันปักหลักชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ต่อไปจนกว่าการประชุมแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ ผลการเจรจากับรัฐบาลที่ยังต้องจับตาว่าเป็นไปตามที่ประชาชนเรียกร้องหรือไม่ และจนกว่าจะมีมติคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการเจรจานั้น เราจะกำกับ ติดตาม ให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมอย่างถึงที่สุด โดยในระหว่างนี้พี่น้องผู้รักความเป็นธรรมสามารถร่วมจับตาการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิของพวกเราได้ และสามารถร่วมสนับสนุนเราได้ต่อไปจนกว่าจะบรรลุทุกข้อเรียกร้องกับรัฐบาล