News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
สสจ.เชียงใหม่ ห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์แม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติ พร้อมแนะนำหลีกเลี่ยงการนำน้ำในแม่น้ำกกมาบริโภคโดยตรง
สสจ.เชียงใหม่ ห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์แม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติ พร้อมแนะนำหลีกเลี่ยงการนำน้ำในแม่น้ำกกมาบริโภคโดยตรง
4 เมษายน 2568 นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง กรณีแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติบริเวณพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) รายงานผลการดำเนินการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในห้องปฏิบัติการ พบว่า ตะกั่ว และสารหนู มีค่าเกินมาตราฐาน ซึ่งตะกั่ว ที่พบในแม่น้ำกก อาจส่งผลต่อสุขภาพทำให้เกิดอาการ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง อย่างรุนแรง อาจชักหรือหมดสติ สำหรับสารหนู ผู้ที่ได้รับพิษ จะเกิดความผิดปกติของผิวหนังโดยทำให้เกิดผื่นคันบริเวณที่สัมผัส คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ หรือใช้น้ำไปปรุงอาหาร หรือรดน้ำพืชผัก โดยเฉพาะเด็กและหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจาก เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย จึงได้รับสารหนูในปริมาณที่สูงกว่าผู้ใหญ่ และหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสพบสารหนูในน้ำนมแม่ และสามารถผ่านทางรกไปยังลูกได้ นอกจากนั้นผลการตรวจคุณภาพน้ำยังพบว่ามีปริมาณโคลิฟอร์ม แบคทีเรียสูง ซึ่งหากนำน้ำดังกล่าวมาบริโภคจะทำให้เกิดอาการ ไข้ ปวดท้อง และท้องเสีย โดยการนำน้ำมาใช้ควรผ่านกระบวนการทำความร้อน เช่น การต้มให้น้ำเดือด หรือผ่านระบบเครื่องกรองน้ำ ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพก็สามารถช่วยกำจัดหรือควบคุมปริมาณของแบคทีเรียให้พอเหมาะ นายแพทย์วรัญญู กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แนะนำให้ประชาชน หลีกเลี่ยงการนำน้ำในแม่น้ำกกมาบริโภคโดยตรง หากมีประวัติสัมผัสน้ำโดยตรง และมีอาการ ผื่นคัน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องเสีย ควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ พร้อมทั้งขอให้ติดตามข้อมูลสถานการณ์จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จะดำเนินการติดตามเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด โดยผู้ที่มีอาการหรือสงสัยว่าเจ็บป่วยจากการสัมผัสน้ำแม่กกดังกล่าว สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านตามสิทธิการรักษา
เขียนเมื่อ 05 เมษายน 2568 20:40:37 น. (view: 12151)